หัวข้อ
- #สายพันธุ์สับปะรด
- #สับปะรดขาว
- #ผลไม้ฤดูร้อน
- #สับปะรดพันธุ์ลูกผสม
- #สับปะรดมหัศจรรย์
สร้าง: 2024-07-06
สร้าง: 2024-07-06 09:45
สวัสดีครับทุกคน นี่คือ durumis! ฤดูร้อนมาทีไรก็ต้องนึกถึงผลไม้ชนิดหนึ่งใช่ไหมครับ? นั่นก็คือ พีช ที่ทั้งสดชื่นและหวานอร่อย วันนี้เราจะมาพูดถึง 'พีชลึกลับ' ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างพีชพันธุ์เนื้อเหลืองและพีชพันธุ์เนื้อขาว แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกอยากรู้และอยากลิ้มลองแล้วใช่ไหมล่ะครับ? วันนี้เราจะมาไขความลับของพีชลึกลับที่น่าสนใจนี้ไปพร้อมๆ กันเลย!
พีชลึกลับเป็นลูกผสมระหว่างพีชพันธุ์เนื้อเหลืองและพีชพันธุ์เนื้อขาว จึงมีทั้งรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทั้งสองพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน
เริ่มจากพีชพันธุ์เนื้อเหลือง มีผิวเรียบเนียนแข็ง รสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย โดยทั่วไปจะมีขนาดเล็กและเนื้อมีสีเหลืองหรือสีส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซีและไฟเบอร์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันอาการท้องผูกได้
ในทางกลับกัน พีชพันธุ์เนื้อขาวจะมีผิวที่มีขนละเอียดนุ่ม รสชาติหวานและมีน้ำมาก มีขนาดใหญ่กว่าพีชพันธุ์เนื้อเหลือง เนื้อมีสีขาวหรือสีชมพู อุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน ดีต่อสุขภาพผิวและดวงตา
พีชลึกลับที่ผสานจุดเด่นของทั้งสองพันธุ์เข้าด้วยกัน จึงกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน
สับปะรดพันธุ์ลูกผสม
สับปะรดขาว
พีชลึกลับเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อผสมผสานจุดเด่นของพีชพันธุ์เนื้อเหลืองและพีชพันธุ์เนื้อขาวเข้าด้วยกัน
เบื้องหลังการกำเนิดนี้คือความพยายามของนักวิจัยทางการเกษตร พีชพันธุ์เนื้อเหลืองเดิมมีรสเปรี้ยวจัดแต่หวานน้อย ส่วนพีชพันธุ์เนื้อขาวมีรสหวานอร่อยแต่เน่าเสียง่าย เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้และรักษารสชาติและกลิ่นหอมของทั้งสองพันธุ์ไว้ จึงได้มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การกำเนิดของพีชลึกลับ
ด้วยเหตุนี้ พีชลึกลับจึงได้รับการตอบรับที่ดีในตลาดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคจำนวนมาก กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการผลไม้สดใหม่และอร่อย
1. ผิว: พีชพันธุ์เนื้อเหลืองมีผิวเรียบเนียน ผิวบางและแข็ง ในขณะที่พีชพันธุ์เนื้อขาวมีขนเยอะ ผิวสัมผัสนุ่ม ผิวหนาและนิ่ม
2. รสชาติและเนื้อสัมผัส: พีชพันธุ์เนื้อเหลืองมีรสเปรี้ยวจัด เนื้อกรุบกรอบ ในขณะที่พีชพันธุ์เนื้อขาวมีรสหวาน เนื้อสัมผัสนุ่มและมีน้ำเยอะ
3. การเก็บรักษา: พีชพันธุ์เนื้อเหลืองเก็บรักษาได้นาน ในขณะที่พีชพันธุ์เนื้อขาวเก็บรักษาได้ไม่นาน ควรบริโภคให้เร็วหลังจากซื้อ
1. ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้น: พีชลึกลับมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้นกว่าพีชทั่วไป โดยทั่วไปจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม จึงมีความหายาก แม้ว่าจะหาซื้อได้ยาก แต่รสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์นั้นคุ้มค่าแก่การรอคอย
2. รสชาติและกลิ่นหอมที่ผสานกันอย่างลงตัว: พีชลึกลับได้ผสานจุดเด่นของพีชพันธุ์เนื้อเหลืองและพีชพันธุ์เนื้อขาวเข้าด้วยกัน จึงมอบรสชาติหวานและเปรี้ยวที่ลงตัว รสเปรี้ยวของพีชพันธุ์เนื้อเหลืองและความหวานนุ่มของพีชพันธุ์เนื้อขาวช่วยสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
3. ผิวบางนุ่ม: พีชลึกลับมีผิวบางและนุ่ม สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก จึงสะดวกในการรับประทานและช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
4. คุณค่าทางโภชนาการ: พีชลึกลับอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินซี ไฟเบอร์ และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยย่อยอาหาร และควบคุมความดันโลหิตได้
สับปะรดมหัศจรรย์
1. สภาพอากาศที่เหมาะสม: พีชลึกลับต้องการสภาพอากาศที่เฉพาะเจาะจง โดยทั่วไปจะปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 12 - 15°C และในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า -15°C พื้นที่ที่ตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้นที่จะสามารถปลูกพีชลึกลับได้อย่างประสบความสำเร็จ
2. ช่วงเวลาและวิธีการปลูก: พีชลึกลับควรปลูกก่อนพีชทั่วไปเล็กน้อย โดยทั่วไปควรปลูกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม วิธีการปลูกก็แตกต่างออกไปเล็กน้อย ควรปลูกตื้นกว่าพีชทั่วไปและเว้นระยะห่างให้มากกว่า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพีชลึกลับ
3. การดูแลรักษาอย่างเหมาะสม: พีชลึกลับต้องการการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ควรให้น้ำ ใส่ปุ๋ย และตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
การดูแลรักษาเหล่านี้จะช่วยรักษารสชาติและคุณภาพของพีชลึกลับให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด
1. สลัดพีชลึกลับ: สามารถนำพีชลึกลับมาทำเป็นสลัดคู่กับผักสดต่างๆ ได้ สามารถใช้น้ำสลัดแบบน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู เกลือ และพริกไทยได้
สลัดสับปะรด
2. สมูทตี้พีชลึกลับ: นำพีชลึกลับมาปั่นกับโยเกิร์ตหรือนม จะได้เครื่องดื่มที่ทั้งสดชื่นและหวานอร่อย สามารถเติมน้ำผึ้งหรือน้ำมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติได้
สปูรีสับปะรด
3. พายพีชลึกลับ: นำพีชลึกลับมาวางบนแป้งพายหวานแล้วอบ จะได้ขนมหวานแสนอร่อย รับประทานคู่กับไอศกรีมวนิลลาจะยิ่งอร่อยมากขึ้น
พายสับปะรด
4. น้ำพีชลึกลับ: นำพีชลึกลับมาปั่นเป็นน้ำ จะช่วยให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเต็มที่ สามารถเติมน้ำแข็งเพื่อดื่มให้เย็นชื่นใจหรือผสมกับน้ำอุ่นดื่มเป็นชาได้
น้ำสับปะรด
5. ผลไม้ดองพีชลึกลับ: นำพีชลึกลับไปแช่ในน้ำดองที่ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล และน้ำ จะได้ผลไม้ดองที่อร่อย เหมาะรับประทานคู่กับพาสต้าหรือพิซซ่า
1. คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายและป้องกันการทำลายเซลล์
2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: อุดมไปด้วยวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และยังมีสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
3. ช่วยในการลดน้ำหนัก: มีแคลอรีต่ำและอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
4. ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด: อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกายและช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
5. บำรุงผิวพรรณ: อุดมไปด้วยวิตามินซีและกรดอินทรีย์ ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ป้องกันฝ้า กระ และจุดด่างดำ และยังมีน้ำเยอะ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
เมื่อเลือกซื้อ ควรเลือกพีชที่มีสีสันสดใสและมีน้ำมัน ขนาดเท่ากันและมีน้ำหนัก ควรเลือกพีชที่มีกลิ่นหอมและแข็ง หลีกเลี่ยงพีชที่สุกเกินไปเพราะจะเน่าง่าย
การเก็บรักษา ควรเก็บพีชไว้ที่อุณหภูมิห้อง และควรบริโภคภายใน 12 วัน หากต้องการเก็บรักษาไว้นาน ควรเก็บในตู้เย็น ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษเช็ดมือ เพื่อรักษาความสด อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 04°C และควรระวังอย่าให้มีความชื้นมากเกินไป
เป็นผลไม้ที่สุกหลังจากเก็บเกี่ยว ดังนั้นก่อนรับประทานควรนำออกจากตู้เย็นและวางไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้รสหวานเพิ่มขึ้น การรับประทานพีชทั้งเปลือกจะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ แต่หากแพ้ผิวพีช ควรปอกเปลือกก่อนรับประทาน
เราได้พูดถึงพีชลึกลับไปแล้ว ลองเอาไปใช้คลายร้อนในช่วงฤดูร้อนนี้ดูนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันนี้ครับ^^
ความคิดเห็น0